
น้ำเขียวในบ่อปลา
- น้ำที่เราเห็นเป็นสีเขียวนั้นจริงๆแล้ว เป็นสารแขวนลอยของแพลงตอนพืชที่ต้องการสังเคราะห์แสง มีขนาดรูปร่างเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูโดยตะไคร่ที่เกาะข้างผนังบ่อก็จัด เป็นพืชกลุ่มเดียวกันแต่มีหลายสายพันธุ์ และพืชกลุ่มนี้จะขยายพันธุ์โดยการสปอร์แพร่กระจายไปตามลม จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมาจากไหน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดน้ำเขียว
- 1.อาหาร สารอาหารหลักของพืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปตัสเซียม(NPK) โดยไนโตรเจนจะเป็นสารอาหาร ที่พบมากในน้ำในรูปของไนเตรทที่พืชนำไปใช้ได้ ไนเตรทเกิดจากการย่อยสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรีย ฟอสฟอรัสในน้ำปกติเรามักจะพบ ในรูปสารอาหารและของเสียที่ปลาขับถ่ายออกมาเช่นกัน ส่วนโปรตัสเซียมพบบ้างแต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับ ไนเตรทและฟอสเฟต
- 2.อุณหภูมิ สังเกตได้ว่าปัญหาน้ำเขียวจะรุนแรงในหน้าร้อนมากหว่าหน้าหนาว อุณหภูมิเป็นตัวเร่งอัตราการสังเคราะห์แสง ของแพลงตอนเหล่านี้ให้สูงขึ้น
- 3.แสงสว่าง แพลงตอนพืชนี้ต้องการแสงสว่าง เพื่อใช้ในการเติบโตและแพร่พันธุ์ ยิ่งแสงสว่างมีปริมาณเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มปริมาณการสังเคราะห์แสงของแพลงตอนมากขึ้นเท่านั้น
ข้อเสียของน้ำเขียว
- -เป็นอุปสรรคในการมองปลาที่เลี้ยง ซึ่งบางทีปลาป่วยก็ไม่สามารถมองเห็นได้
- -ปัญหาที่สำคัญสุดของน้ำเขียว คือการลดปริมาณออกซิเจนอย่างฉับพลันในตอนกลางคืน เพราะว่าในเวลาตอนกลางวันแพลงตอนพืชจะทำการสังเคราะห์แสง โดยใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ในการปรุงอาหาร และคายก๊าซออกซิเจนออกมา ส่วนเวลากลางคืนแพลงตอนพืชเหล่านั้นต้องใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจ และคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ออกมาแทน จึงทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลงอย่างรวดเร็ว
ปัญหาข้อเสียของน้ำเขียวนั้น เมื่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์มีปริมาณมากรวมกับน้ำแล้ว จะมีฤทธิ์เป็นกรด แต่ความเป็นกรดจะสะเทินให้เป็นกลางโดยปะการังในบ่อ ถ้าเราใส่น้ำยาหรือสารเคมีเพื่อกำจัดแพลงตอนเหล่านั้น อาจทำให้ปลาตายแบบฉับพลันได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากสารเคมีที่เป็นพิษ หรือปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
การแก้ปัญหาน้ำเขียว
- ทำระบบกรองให้แน่น และมีขนาดใหญ่พอเพียง
- เพิ่มหินลงในบ่อ
- ลดปริมาณแสง
- ลดปริมาณสารอินทรีย์ในน้ำ เช่นการลดอาหาร ไม่ควรมีอาหารตกค้าง